HD-CVI , HD-TVI , AHD 3 ยักษ์ใหญ่คือใครมาจากไหน?
HD-CVI ถือกำเนิดจากเผ่าพันธุ์มังกรในปี 2012 นาม Dahua ผู้คิดค้นระบบ HD CVI (High Definition Composite Video Interface) โดยระบบจะใช้สาย Coax โดยจะให้ภาพที่มีความคมชัดสูงในระดับ MagaPixel ที่ความยาวของสาย มากกว่า 500 เมตร
HD-TVI ถือกำเนิดจากสัญชาติอเมริกันหุบเขาซิลิกอนวัลเล่ย์ นาม Techpoint ซึ่งเจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่มากจาก TechWell ที่เป็นผู้ผลิตชิพเซตเจ้าใหญ่ของโลกที่ผลิต Chip DVR ป้อนให้ตลาดโลก ด้วยความที่มากด้วยประสบการณ์ Techpoint ก็ได้รับอานิสงค์นี้มาด้วย เมื่อความคมชัด 960H ไม่ได้ตอบโจทย์ลูกค้า และ IP Cameras ภาพก็กระตุกไม่ RealTime ด้วยข้อจำกัดของ Network ดังนั้นระบบ Analog ที่เดินด้วยสาย Coax ที่ความคมชัดสูงจึงถือกำเนิดขึ้นโดย Techpoint ชื่อว่า HD-TVI (High Definition Transport Video Interface) โดยจะมี chipset ที่รองรับ FullHD video 720P/1080P
AHD ถือกำเนิดจากแดนโสมเกาหลี สายเลือด Nextchip กำเนิดขึ้นเมื่อปี 2013 ในนาม AHD (Analogue High Definition)
คุณสมบัติทั่วไปของทั้ง 3 Technologies
CVI, TVI, AHD เป็นระบบที่ใช้ chipset Progressive-Scan แบบ HD Analogue ที่วิ่งบนสาย coaxial จะเข้ามาแทนที่ระบบกล้องวงจรปิดรูปแบบเดิม
การติดตั้งการทำงานยังคงรูปแบบเหมือน Analog ทุกอย่าง สามารถใช้แทนระบบ Analog เก่าได้เลยเพราะสัญญาณวิ่งบนสาย Coax
HD-SDI, CVI, TVI, AHD จะมีการลดทอนสัญญาณจะต่ำมาก และไม่มีการหน่วงของสัญญาณหรือการกระตุกของภาพ
ข้อแตกต่างระหว่างทั้ง 3 เทคโนโลยี
ทั้งสามเทคโนโลยีไม่ว่าจะเป็น CVI, TVI, AHD ได้กล่าวไว้ว่า จะทำให้รองรับ ระบบเก่าใช้งานได้ทั้ง 960H และ D1 แบบสมบูรณ์แบบ แต่ถึงตอนนี้ในตลาดก็มีแค่ TVI ที่สามารถที่จะรองรับได้แบบเต็มรูปแบบ ส่วน AHD และ CVI ยังไม่สามารถที่จะใช้กล้องผสมกันแต่ละความละเอียดได้ หรือได้ ก็ยังต้องทำการปิดเปิดเครื่องใหม่
AHD ปัจจุบันมี AHD2.0 ซึ่งก็ยังไม่รองรับ AHD1.0 ทำให้บางโรงงานแยก Product ออกเป็นสองส่วน คือ AHD-A (AHD1.0) AHD-B (AHD2.0) และตอนนี้เองก็ยังไม่รองรับกับกล้องที่เป็น Analog
TVI นำเอาเทคโนโลยี Analog ใส่เข้าไปใน Chipset จึงทำให้การทำงานร่วมกันของเครื่องบันทึกกับกล้องที่เป็นทั้ง TVI กับ Analog ทำงานร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์ และราคาเครื่องบันทึก TVI ใกล้เคียงกันมากกับราคา ของเครื่องบันทึก 960H ดังนั้นเราจะได้เห็นเร็วๆ นี้ว่าระบบกล้อง Analog จะถูกแทนที่ด้วยระบบนี้ในไม่ช้า โดยสามารถรวมระบบเก่าได้เรียกว่า Hybrid DVR (960H+720P+1080P)
CVI เริ่มต้นมากจากองค์กรหนึ่ง (HD-CCTV alliance) โรงงานผู้ผลิตเป็นผู้ออกแบบคิดค้น Chipset และเป็นผู้กำหนดมาตรฐาน CVI กับตลาด เมื่อเป็นเช่นนี้ ทางโรงงานเองจะเป็นผู้กำหนดทิศทางแต่ผู้เดียวคล้ายๆ กับตลาดผูกขาด ซึ่งอาจจะไม่เป็นผลดีกับตลาดโดยรวม
ส่วน TVI และ AHD เป็น Chipset ที่เป็นแบบเปิดไม่ได้คิดค้นจากโรงงานใดโรงงานหนึ่งที่ทำ DVR ทำเฉพาะ Chipset และขายให้กับโรงงานผู้ผลิตต่างๆ ทั่วโลก ดังนั้นตลาดยังเป็นการแข่งขันสมบูรณ์อยู่
ใครจะเป็นผู้ชนะในตลาดนี้?
มาถึงจุดนี้ผู้ผลิตเท่านั้นที่จะเป็นคนกำหนดทิศทางของแต่ละเทคโนโลยี ด้วยการตลาดที่จะสื่อสารให้กับผู้บริโภคได้รับรู้เมื่อไหร่ก็ตามคนที่สื่อสารให้ตลาดรับรู้ได้รวดเร็วและยอมรับจะเป็นผู้ชนะในไม่ช้า
Credit:http://zynekcctv.com/article71.php#.VQEGu3g5PMo
HD TVI คืออะไร
HD TVI คือเทคโนโลยีกล้องวงจรปิดที่มีชื่อเต็มว่า HD Transport Video Interface เป็นเทคโนโลยีการส่งภาพที่ให้ความคมชัดในระดับ HD ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของการส่งสัญญาณผ่านสายเคเบิล Analog ทั่วไป หรือสาย RG6แบบที่เราใช้เดินสายกล้องวงจรปิดกันอยู่ในปัจจุบัน โดยการเพิ่ม Chip ที่มีคุณลักษณะพิเศษที่เป็นตัวส่งสัญญาณผ่านแบบ HDใส่ลงไปในตัวกล้อง และใช้ Chip แบบพิเศษเช่นเดียวกัน เป็นตัวรับสัญญาณใส่ลงไปในเครื่องบันทึก DVR ที่ผลิตโดยผู้ผลิตแบรนด์ชั้นนำของโลกคือ Techpoint ประเทศสหรัฐฯ เป็นผู้พัฒนา ทำให้สามารถขยายการส่งภาพและปรับคุณภาพ
ความคมชัดของวีดีโอได้ถึงระดับ 720P/1080P HD TVI รับการส่งสัญญาณที่ความถี่ต่ำพร้อมกับสัญญาณแบนด์วิธที่มากขึ้น นำมาซึ่งคุณภาพของภาพที่ให้รายละเอียดได้มากยิ่งขึ้น และสีสันภาพที่ดีกว่าเดิม ไม่ใช่แค่การส่งสัญญาณวีดีโอแต่ยังสามารถส่งสัญญาณในลักษณะ 2ทิศทาง ซึ่งสามารถใช้ในการควบคุมกล้องประเภท Speed Dome และการปรับค่าพารามิเตอร์ต่างๆ เป็นต้น ยิ่งไปกว่านั้นเครื่องบันทึก HD TVI สามารถรองรับการเชื่อมต่อได้ทั้งกล้อง Analog ทั่วไปและกล้อง HD TVI ที่ให้ภาพความคมชัดระดับ HD ซึ่งง่ายต่อการอัพเดตระบบเก่าให้ได้ภาพในระดับ High Deffinition
ทำไมจึงต้องเป็น HD TVI
1.ความละเอียดภาพระดับ HD ที่มีคุณภาพสูง 720P and 1080P
2.ส่งสัญญาณที่เป็น HD ผ่านสายที่เป็นสาย Analog ทั่วไป โดยสัญาณภาพ
ไม่มีการบีบอัดจึงไม่มีการลดทอน ของสัญญาณและภาพเป็น Real Time ไม่มีการหน่วง
3.ส่งสัญญาณ วีดีโอ/เสียง/สัญญาณควบคุม ไปในสายเคเบิ้ลเส้นเดียว
4.สามารถส่งสัญญาณบนสายเคเบิ้ลแบบธรรมดาได้ไกลถึง 500เมตร
5.ติดตั้งและใช้งานง่าย เพราะเป็นระบบที่พัฒนามาจากพื้นฐานระบบที่เป็น Analog ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
6.สามารถใช้งานร่วมกับกล้องหรือDVR ที่เป็นระบบ TVI เช่นกัน ไม่จำกัดเพียงแบรนด์เดียว
7.เป็น Tribrid DVR สามารถต่อกล้องที่เป็นระบบ HD TVI, Analog, IP signal
เปรียบเทียบ HD-TVI กับ HD-SDI
● HD-TVI จะสามารถส่งสัญญาณได้ไกลกว่า
● HD-TVI ราคาถูกกว่าและเหมาะสม
● HD-TVI การป้องกันสัญญาณรบกวนดีกว่า
เปรียบเทียบ HD-TVI กับ IPCam
● HD-TVI จะไม่มีการบีบอัดภาพและภาพจะไม่มีการลดทอน
● HD-TVI แสดงภาพแบบ Real-time ไม่มีการหน่วง
● HD-TVI ไม่ต้องห่วงเรื่องแบนด์วิธเครือข่าย
เปรียบเทียบ HD-TVI กับ Analogue
● HD-TV มีความละเอียดที่ 720P/1080P ที่ 25/30fps
● สามารถส่งสัญญาณได้ไกลทั้งที่เป็นภาพ HD
● ไม่มีปัญหาสัญญาณลดทอนและหน่วงในการส่งสัญญาณ
เปรียบเทียบ HD-TVI vs HD-CVI
จะเห็นได้ว่า HD-TVI และ HD-CVI มีคุณสมบัติคล้ายกันมากทั้งสองระบบ ในเรื่องของความละเอียดและความคมชัดสูง
แบบอนาล็อก HD-TVI มาจากอเมริกัน บริษัท ที่ไม่ได้เป็นเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นผู้ผลิต เพียงแต่เป็นผู้ผลิต Chip เท่านั้น
HD-TVI จึงมีผู้ผลิตกล้องและเครื่องบันทึกหลายเจ้า ดังนั้นกล้องและเครื่องบันทึกภาพ ระบบ HD-TVI จะถูกปล่อยมา่ใช้ใน
ตลาดจำนวนมาก ดังนั้น HD-TVI มีแนวโน้มที่จะกลายเป็น ระบบหลักในวงการกล้องวงจรปิด ต่อจากระบบกล้องไอพี
ด้วยเทคโนโลยีที่เป็นกรรมสิทธิ์และวิธีการแก้ปัญหาที่เป็นแบบเปิดกว่า CVI
Credit:http://www.hiview.co.th/index.php?mo=3&art=42207760
บริษัท บ้านสวน เทคโนโลยี จำกัด(under construction)
จำหน่ายและติดตั้ง ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ในกรุงเทพและปริมณฑล
บริษัท บ้านสวน เทคโนโลยี จำกัด
10 มี.ค. 2558
17 ก.พ. 2558
การเลือกใช้ขนาดความจุของฮาร์ดดิสก์กับเครื่องบันทึก(Hard Drive Calculator)
Resolution: D1(704x480)
Stream Type:H264
Number of Camera:1
Frame Rate per Camera:25fps
Hours of Recording:24Hours a Day
Storage in Days (per camera):1
Total Bandwidth:1.2Mbps
Estimated Storage:13.0 GB
Resolution: 720P HD
Stream Type:H264
Number of Camera:1
Frame Rate per Camera:25fps
Hours of Recording:24Hours a Day
Storage in Days (per camera):1
Total Bandwidth:3.2Mbps
Estimated Storage:34.6GB
Resolution: 1080P HD(2Megapixel)
Stream Type:H264
Number of Camera:1
Frame Rate per Camera:25fps
Hours of Recording:24Hours a Day
Storage in Days (per camera):1
Total Bandwidth:6.8Mbps
Estimated Storage:73.4GB
Resolution: 1.3Megapixel
Stream Type:H264
Number of Camera:1
Frame Rate per Camera:25fps
Hours of Recording:24Hours a Day
Storage in Days (per camera):1
Total Bandwidth:4.8Mbps
Estimated Storage:51.8GB
Resolution: 3Megapixel
Stream Type:H264
Number of Camera:1
Frame Rate per Camera:25fps
Hours of Recording:24Hours a Day
Storage in Days (per camera):1
Total Bandwidth:8.4Mbps
Estimated Storage:90.7GB
Notes:
Stream Type:H264
Number of Camera:1
Frame Rate per Camera:25fps
Hours of Recording:24Hours a Day
Storage in Days (per camera):1
Total Bandwidth:1.2Mbps
Estimated Storage:13.0 GB
Resolution: 720P HD
Stream Type:H264
Number of Camera:1
Frame Rate per Camera:25fps
Hours of Recording:24Hours a Day
Storage in Days (per camera):1
Total Bandwidth:3.2Mbps
Estimated Storage:34.6GB
Resolution: 1080P HD(2Megapixel)
Stream Type:H264
Number of Camera:1
Frame Rate per Camera:25fps
Hours of Recording:24Hours a Day
Storage in Days (per camera):1
Total Bandwidth:6.8Mbps
Estimated Storage:73.4GB
Resolution: 1.3Megapixel
Stream Type:H264
Number of Camera:1
Frame Rate per Camera:25fps
Hours of Recording:24Hours a Day
Storage in Days (per camera):1
Total Bandwidth:4.8Mbps
Estimated Storage:51.8GB
Resolution: 3Megapixel
Stream Type:H264
Number of Camera:1
Frame Rate per Camera:25fps
Hours of Recording:24Hours a Day
Storage in Days (per camera):1
Total Bandwidth:8.4Mbps
Estimated Storage:90.7GB
Notes:
- 30/25 FPS applies to D1, 720P, 1080P and 1.3MP resolutions
- Max FPS: 5MP=10, 3MP=12, 1080P=30, 1.3MP=30
15 ก.พ. 2558
การใช้ Teamviewer เพื่อให้เราช่วยตั้งค่าการใช้งานกล้องวงจรปิด ผ่าน remote desktop
การลงโปรแกรม TeamViewer เพื่อให้เราช่วย Config ค่าต่าง ผ่านการ Remote Desktop
ทำตามนี้ไปทีละขึ้นครับ
1. เปิด Internet Explorer ขึ้นมาแล้วพิมพ์ www.teamviewer.com เลือก เริ่มใช้เวอร์ชั่นสมบรูณ์พรี (สีเขียวๆ)
2.เสร็จแล้วจะพาเราไปสู่หน้า ให้เรา Download ก็ว่าไป download โล้ด........ แล้วจำด้วยนะว่าเรา download เอาไปเก็บไว้ที่ไหน
3.ไปดับเบิ้ลคลิ๊กไฟล์ที่เรา download เสร็จแล้ว จะมีหน้าต่างเด้งขึ้นมาดังภาพ กด RUN ต่อไป
4.เลือก Install แล้วคลิ๊ก next
5.เลือก Personal / non-comercial use แล้วกด next ต่อไป
6.อ่านเขื่อนไข (ถ้าขยัน) เสร็จแล้ว เลือก I accept และ I agree แล้ว next ตามระเบียบ
7.เสร็จแล้วเลือก No (default) แล้ว Next
8.เสร็จแล้ว...ไวเหมือนโกหก
เปิดหน้าต่างนี้ค้าเอาไว้ แล้ว โทรมาบอก your id และ password ในกรอบสีแดง ที่เหลือเราจัดการให้ครับ
9.หากลูกค้าเป็นห่วงเรื่องความเป็นส่วนตัวกลัวว่า ผมจะเข้าไปยุ่งเครื่องของท่านนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับเพราะ
- หากเครื่องท่านไม่เปิดอยู่ผมก็ทำอะไรไม่ได้
- หากท่านไม่ได้เปิดโปรแกรมนี้อยุ่ผมก็ทำอะไรไม่ได้อีกเหมือนกัน
- ทุกครั้งที่เปิดโปรแกรมขึ้นมาใหม่ จะได้ Password ใหม่เสมอ password เก่าจะใช้ไม่ได้
เรียกว่าผมเข้าไปตั้งค่าได้เป็นครั้งๆ ตามที่ท่านเปิดโปรแกรมขึ้นเป็นครั้งๆเท่านั้น
อ้อ ก่อนโทรหาผมให้มั่นใจว่าท่าน
1. ได้ต่อสาย LAN จาก DVRเข้ากับ Router เรียบร้อยแล้ว
2. ได้ต่อสาย LAN จากคอมของท่านเข้ากับ Router เรียบร้อยแล้ว
3. Router และ DVR เปิดเครื่องและทำงานอยู่
4. ได้ต่อจอเข้ากับ DVR แล้ว คือเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วนั่นเอง
Credit:http://www.linkmastercorp.com/index.phpoption=com_content&view=article&id=158:-teamviewer-remote-desktop&catid=35:cctv&Itemid=55
วิธีคำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการติดกล้องวงจรปิดด้วยตัวเอง
มีลูกค้ามากมายหลายท่านปวด
หัวกับการคำนวนเรื่องค่าใช้จ่ายในการติดระบบกล้องวงจรปิด
เพราะไม่ทราบว่าต้องใช้อุปกรณ์ อะไรบ้าง ไหนจะค่ากล้อง, ค่าเครื่องบันทึก
(DVR), ค่าสายสัญญาณภาพ (RG6), ค่าสายไฟเลี้ยงกล้อง, ค่าบริการติดตั้ง,
ค่าอุปกรณ์อื่นจิปาถะ....อย่าเพิ่งกังวลไปครับ
บทความนี้เราจะมาว่าถึงเรื่องราวเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆ
ทั้งหมดที่ต้องใช้ในการติดระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) แบบเจาะลึกกันเลยดีกว่า
รวมถึงราคาที่ลูกค้าส่วนมาก (เกือบทุกท่าน) กังวลว่าจะแพงไปหรือเปล่า
จะเกินงบที่ตั้งไว้หรือไม่
ถ้าพร้อมแล้วเตรียมเครื่องคิดเลขของท่านไว้ได้เลยเราจะเริ่มเรียงจากอุปกรณ์
แรกไปจนถึงค่าบริการกันเลยดีกว่าครับ
DVR
เริ่มต้นจากเครื่อง บันทึกภาพ (DVR) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับบันทึกภาพจากกล้องลงสู่ Harddisk สำหรับเวลาที่ท่านต้องการดูภาพย้อนหลัง และยังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับส่งข้อมูลภาพสำหรับการดูกล้องผ่าน Internet ด้วยอีกเช่นกัน มีตั้งแต่ 4 Channels (1 Channel รองรับกล้องได้ 1 ตัว), 8 Channels, 16 Channels, 32 Channels แล้วแต่ความต้องการของท่านในการเลือกว่าต้องการใช้กล้องทั้งหมดกี่จุด ต้องการฟังชันเสริมต่างๆ เพิ่มเติมหรือไม่ เช่นต้องการให้ DVR ส่ง Push Video หรือไม่ ต้องการบันทึกแบบคมชัดหรือไม่ ต้องการให้มีฟังชั่นดูย้อนหลังผ่าน Smart Phone ด้วยหรือเปล่า ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ถ้าท่านมีข้อสงสัยแนะนำให้สอบถามตัวแทนจำหน่ายเพื่อให้ได้ข้อมูลมาก ที่สุดถึงตัวเครื่องบันทึกที่ตอบโจทย์การใช้งานของท่านอย่างลงตัวที่สุด ทั้งฟังชั่นต่างๆ และราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณของท่าน
Analog Camera
ต่อมาก็คือ พระเอกของเรา กล้องสำหรับบันทึกภาพนั่นเองครับ มีมากมายหลายชนิด ทั้งแบบกลางวัน (Day), กลางวันและกลางคืน (Day/Night) ความชัดก็มีให้เลือกมากมายเช่นกัน ตั่งแต่ 420, 500, 520, 600, 700 TV Lines ตามลำดับ ต่อมาก็ฟพังชั่น Infrared (IR) มีให้เลือกระยะการเห็นเวลากลางคืนอีกเช่นกัน ตั้งแต่ 10, 15, 20, 25, 30, 40, 50 เมตร (ตามรุ่นของกล้องอีกเช่นกัน) หรือจะเป็นกล้อง IP Camera ที่ให้ความละเอียดของภาพระดับ Full HD 1080p แบบชัดมากๆ ไปเลยก็ได้ครับ แนะนำว่าให้เลือกตามการใช้งานครับ ไม่จำเป็นต้องติดกล้อง 16 ตัวแล้วต้องเป็นกล้องรุ่นเดียวกันทั้งหมด (จะได้ประหยัดงบประมาณครับ) เราจะได้กล้องที่เหมาะและจำเป็นต่อการใช้งานของเรามากที่สุด ที่สำคัญสบายกระเป๋าด้วยครับ
DVR
เริ่มต้นจากเครื่อง บันทึกภาพ (DVR) เป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับบันทึกภาพจากกล้องลงสู่ Harddisk สำหรับเวลาที่ท่านต้องการดูภาพย้อนหลัง และยังเป็นอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับส่งข้อมูลภาพสำหรับการดูกล้องผ่าน Internet ด้วยอีกเช่นกัน มีตั้งแต่ 4 Channels (1 Channel รองรับกล้องได้ 1 ตัว), 8 Channels, 16 Channels, 32 Channels แล้วแต่ความต้องการของท่านในการเลือกว่าต้องการใช้กล้องทั้งหมดกี่จุด ต้องการฟังชันเสริมต่างๆ เพิ่มเติมหรือไม่ เช่นต้องการให้ DVR ส่ง Push Video หรือไม่ ต้องการบันทึกแบบคมชัดหรือไม่ ต้องการให้มีฟังชั่นดูย้อนหลังผ่าน Smart Phone ด้วยหรือเปล่า ข้อมูลต่างๆ เหล่านี้ถ้าท่านมีข้อสงสัยแนะนำให้สอบถามตัวแทนจำหน่ายเพื่อให้ได้ข้อมูลมาก ที่สุดถึงตัวเครื่องบันทึกที่ตอบโจทย์การใช้งานของท่านอย่างลงตัวที่สุด ทั้งฟังชั่นต่างๆ และราคาที่เหมาะสมกับงบประมาณของท่าน
Analog Camera
ต่อมาก็คือ พระเอกของเรา กล้องสำหรับบันทึกภาพนั่นเองครับ มีมากมายหลายชนิด ทั้งแบบกลางวัน (Day), กลางวันและกลางคืน (Day/Night) ความชัดก็มีให้เลือกมากมายเช่นกัน ตั่งแต่ 420, 500, 520, 600, 700 TV Lines ตามลำดับ ต่อมาก็ฟพังชั่น Infrared (IR) มีให้เลือกระยะการเห็นเวลากลางคืนอีกเช่นกัน ตั้งแต่ 10, 15, 20, 25, 30, 40, 50 เมตร (ตามรุ่นของกล้องอีกเช่นกัน) หรือจะเป็นกล้อง IP Camera ที่ให้ความละเอียดของภาพระดับ Full HD 1080p แบบชัดมากๆ ไปเลยก็ได้ครับ แนะนำว่าให้เลือกตามการใช้งานครับ ไม่จำเป็นต้องติดกล้อง 16 ตัวแล้วต้องเป็นกล้องรุ่นเดียวกันทั้งหมด (จะได้ประหยัดงบประมาณครับ) เราจะได้กล้องที่เหมาะและจำเป็นต่อการใช้งานของเรามากที่สุด ที่สำคัญสบายกระเป๋าด้วยครับ
สาย
นำสัญญาณกล้องวงจรปิด สาย นำสัญญาณเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งเลยทีเดียวเพระาทำหน้าที่นำสัญญาณภาพ จากกล้องมายังเครื่องบันทึก มีมากมายหลายคุณภาพและราคา (บางยี่ห้อตกเมตรละ 4-5 บาทเท่านั้นเอง) ถ้าถามว่าแล้วมันต่างกันตรงไหนระหว่างสายแพงกับสายถูก แน่นอนครับหากใช้สายที่มีคุณภาพ จะทำให้ภาพคมชัดและไม่มีสัญญาณรบกวน ตัวนำสัญญาณที่เป็นแกนกลางที่อยู่ด้าน ในสุดที่เป็นทองแดงเคลือบแข็งด้วยน้ำยานั้น ถ้าเป็นสายที่ราคาถูกเขาจะไม่ใช่สายทองแดงแท้เคลือบ หรือถ้ามีก็มีส่วนผสมของทองแดงน้อยมาก (ไม่ถึง 5%) และเมื่อนำสายสัญญาณที่มีราคาถูกมาติดตั้งในระบบนั้นก็จะมีอายุการใช้งาน สั้น แต่ถ้าเราใช้สายดีมีมาตรฐานก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานออกไปได้อีกนานและภาพ ที่ถ่ายทอดออกมาก็จะชัดเจนขึ้นไปด้วยครับ |
เมื่อท่าน
เลือกสายได้แล้วต่อมาก็คือการคำนวนระยะทางของสายครับ ง่ายๆครับ
ให้ท่านวางแผนว่าจะวางเครื่องบันทึก (DVR) ไว้ยังตำแหน่งไหน..ห้องใด..?
เสร็จแล้วให้วัดระยะทางจากเครื่องบันทึกไปยังกล้องจุดต่างๆ ที่เราวางแผนไว้
(เวลาวัดให้ท่านวัดตามตำแหน่งที่สายจะติดจริงนะครับเช่นสายเรียบกำแพง
ผ่านเสา ผ่านคาน ห้ามวัดจากเครื่องบันทึกไปยังกล้องตรงๆ
นะครับจะได้ความยาวของสายที่ผิดครับ) กล้อง 1 ตัว = ความยาวของสาย 1 เส้น ถ้าใช้กล้อง 4 ตัว ก็วัดทั้งหมด 4 เส้น แค่นี้ก็จะได้ระยะสายที่จะใช้ติดตั้งจริงแล้วครับ สายไฟฟ้า เป็นสายสำหรับ จ่ายไฟไปเลี้ยงกล้องวงจรปิดของเรานั่นเองครับ หรือสายไฟธรรมดาที่ใช้ตามบ้านเรานั่นเองครับ แต่จะแตกต่างกับสาย RG6 ในเรื่องระยะของการสายนั่นเองครับ กล่าวคือการเดินสายไฟแบบนี้สามารถพ่วงกันได้ทำให้เราประหยัดการใช้จำนวนสาย ได้มากกว่า ยกตัวอย่างเช่นเราใช้สาย RG6 ทั้งหมด 100 เมตรแต่เราอาจจะต้องใช้สาย VFF เพียงแค่ 60 เมตรเท่านั้นเพราะสาย RG6 จำเป็นต้องเดินจากกล้องไปสู่เครื่องบันทึกแยกเส้นต่อเส้น แต่สาย VFF เราสามารถเดินพ่วงสายไฟไปเส้นเดียวแล้วไปแยกตรงกล้องแต่ละตัวได้ ทำให้ประหยัดค่าสายได้มากเลยล่ะครับ ใช้เท่าไรท่านก็สามารถคำนวนได้แล้วละครับว่าต้องใช้สาย VFF เท่าไร หัว Connector หัวสำหรับต่อ สายเข้ากับเครื่องบันทึก (DVR) กับกล้องวงจรปิด (Camera CCTV) นับจำนวนได้เลยครับว่าใช้ทั้งหมดกี่สาย (จำนวนกล้อง) ใช้ทั้งหมดเส้นละ 2 ชุด ยกตัวอย่างเช่น ชุดกล้องวงจรปิด 8 ตัว เท่ากับเราต้องใช้หัวทั้งหมด 16 หัวครับ
|
กล้อง IP ดีกว่ากล้อง Analog ตรงไหน
กล้อง IP (IP NETWORK CAMERA) คือ
กล้องวงจรปิดที่มีอุปกรณ์การแปลงสัญญาณวีดิโอเป็นสัญญาณดิจิตอล
อยู่ในตัวกล้องดังนั้นกล้องจึงสามารถเชื่อมต่อกับระบบ Network
ได้โดยตรงไม่ต้องอาศัยคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการทำงานและตัวกล้องยังสามารถ
ตั้งค่าหมายเลข IP Address ได้ โดยอัตโนมัติ
IP Address คือ หมายเลขที่ใช้แสดงตำแหน่งกล้องไอพี เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์อยู่ใน Network เช่นหมายเลข 192.168.1.10ดังนั้นกล้องไอพีตัวนี้ก็อยู่ในตำแหน่ง 192.168.1.10 ใน วง Network กล้อง IP ที่มีทั้งต่อเข้า UTP และ Wireless
มาดูกันว่ากล้อง IP ดีกว่ากล้อง Analog อย่างไรบ้าง
เมื่อเปรียบเทียบการเดินสายสัญญาณกล้องวงจรปิด ระบบอะนาล็อก Analog ต้องการใช้สายสัญญาณชนิดโคแอกเชียล (coaxial) ระยะทางเดินขึ้นอยู๋กับชนิดของสายตั้งแต่ 100-800 เมตร โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ขยายสัญญาณ เดินสาย 1 เส้น ต่อกล้อง 1 ตัว ฉะนั้นถ้าต้องการติดตั้งกล้องเพิ่มต้องเดินสายใหม่ทุกครั้ง
ระบบกล้องไอพี IP จะใช้หลักการเช่นเดียวกับ network หรือระบบ LAN ดังน้น สาย LAN 1 เส้นก็รองรับได้หลายกล้อง เพียงแต่ต้องเพิ่มอุปกรณ์ขยายสัญญาณเช่น Hub , Switcher
ดังนั้นหากมีการติดตั้งกล้องเพิ่ม ก็ไม่จำเป็นต้องเดินสายใหม่ หากว่าช่องสัญญาณเพียงพอและสามารถรองรับข้อมูลได้ (โดยปกติระบบ Network จะใช้สาย UTP ไม่เกิน 100 เมตร และสาย Fiber Optic ได้หลายสิบกิโลเมตร)
Analog Camera
ข้อดี
1.ระบบอนาล๊อกมีต้นทุนที่ถูกกว่าระบบ IP
2. เนื่องจากว่ามีกล้องหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ตั้งแต่ระบบเล็กไป ถึงระบบใหญ่ ทำให้มีตัวเลือกสำหรับการใช้งานประเภทต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
3. ในระบบอนาล๊อก มีเพียงระบบ PAL และ NTSC เท่านั้น ทำให้สามารถเลือกกล้องต่างยี่ห้อมารวมในระบบเดียวกันได้
4.ระบบอนาล๊อกถูกพัฒนา จนแทบจะเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงสุดท้ายของเทคโนโลยีจองระบบอนาล๊อกแล้ว ทำให้ปัญหาต่างๆถูกแก้ไขไปจนหมด ทำให้ปัญหาต่างๆของระบบอนาล๊อกเกิดขึ้นน้อยมาก
ข้อเสีย
1.ระบบอนาล๊อกไม่มีฟังชั่นเช่นเดียวกับที่กล้อง IP มี เว้นแต่กล้องอนาล๊อกในระบบราคาแพงเท่านั้น
2.ระบบอนาล๊อกมีความปลอดภัยน้อย เนื่องจากว่าไม่มีการเข้ารหัสของข้อมูล ไม่ว่าใครก็สามารถดูภาพจากกล้องวงจรปิดได้
3. ไม่สามารถรองรับการส่งสัญญานในระยะไกลๆได้
IP Camera
ข้อดี
1.สนับสนุนการทำงานผ่านระบบไร้สายมากกว่า Analog
2.กล้อง IP สามารถใช้ร่วมกับระบบ LAN ที่มีอยู่แล้วได้ โดยไม่ต้องเดินสายใหม่
3.หากต้องการเพิ่มกล้องสามารถทำได้ง่าย โดยไม่ติดข้อจำกัดในส่วนของ Channel ที่จำกัดของ DVR อีกต่อไป
4. เนื่องจากกล้อง IP แต่ละตัวทำงานแยกอิสระ ไม่ได้ส่งภาพไปประมวลผลที่ตัวกล้อง ทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพ "เต็มที่" ไม่อั้นที่ DVR อีกต่อไป
5. แต่ละตัวมี IP ของตัวเอง ทำให้การตั้งค่ากล้องแต่ละตัวทำได้ง่าย
6. เป็นระบบ Digital ทำให้สามารถข้ามข้อจำกัดที่ระบบอนาล๊อกไม่สามารถทำได้ นั่นคือ ข้ามจาก 576 TVL ไปเป็น 1080p
7. บางรุ่นสามารถส่งสายไฟไปพร้อมกับสาย LAN ได้ โดยไม่ต้องเดินสายไฟแยกต่างหาก
8. เนื่องทำงานบนระบบ digial สามารถที่จะ backup ข้อมูลได้ตลอดเวลาบน server
ข้อเสีย
1. เนื่องจากใช้ Brandwidth สูงมาก ตั้งแต่ 500 kbps ถึง 1.5 Mbps ทำให้ระบบทำงานหนัก
2. ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นกว่าระบบอนาล๊อก ไม่ว่าจะเป็นค่าอุปกรณ์, การดูแลรักษา รวมไปถึง ความรู้ของผู้ที่บริหารจัดการข้อมูล
3. เนื่องจากระบบถูกพัฒนาจากหลายรายทำให้มีมากกว่า 1 มาตราฐาน จึงไม่สามารถใช้กล้องที่มี Protocal ต่างกันคุยกันได้ พุดให้เข้าใจง่ายๆคือ "ข้ามยี่ห้อไม่ได้" นั่นเอง
credit:https://www.facebook.com/photoscansystem/posts/412554798783844
IP Address คือ หมายเลขที่ใช้แสดงตำแหน่งกล้องไอพี เช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์อยู่ใน Network เช่นหมายเลข 192.168.1.10ดังนั้นกล้องไอพีตัวนี้ก็อยู่ในตำแหน่ง 192.168.1.10 ใน วง Network กล้อง IP ที่มีทั้งต่อเข้า UTP และ Wireless
มาดูกันว่ากล้อง IP ดีกว่ากล้อง Analog อย่างไรบ้าง
เมื่อเปรียบเทียบการเดินสายสัญญาณกล้องวงจรปิด ระบบอะนาล็อก Analog ต้องการใช้สายสัญญาณชนิดโคแอกเชียล (coaxial) ระยะทางเดินขึ้นอยู๋กับชนิดของสายตั้งแต่ 100-800 เมตร โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ขยายสัญญาณ เดินสาย 1 เส้น ต่อกล้อง 1 ตัว ฉะนั้นถ้าต้องการติดตั้งกล้องเพิ่มต้องเดินสายใหม่ทุกครั้ง
ระบบกล้องไอพี IP จะใช้หลักการเช่นเดียวกับ network หรือระบบ LAN ดังน้น สาย LAN 1 เส้นก็รองรับได้หลายกล้อง เพียงแต่ต้องเพิ่มอุปกรณ์ขยายสัญญาณเช่น Hub , Switcher
ดังนั้นหากมีการติดตั้งกล้องเพิ่ม ก็ไม่จำเป็นต้องเดินสายใหม่ หากว่าช่องสัญญาณเพียงพอและสามารถรองรับข้อมูลได้ (โดยปกติระบบ Network จะใช้สาย UTP ไม่เกิน 100 เมตร และสาย Fiber Optic ได้หลายสิบกิโลเมตร)
Credit:http://www.linkmastercorp.com/index.php?option=com_content&view=article&id=110:-analog-ip-camera&catid=51:ip-camera&Itemid=55
Analog Camera
ข้อดี
1.ระบบอนาล๊อกมีต้นทุนที่ถูกกว่าระบบ IP
2. เนื่องจากว่ามีกล้องหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ ตั้งแต่ระบบเล็กไป ถึงระบบใหญ่ ทำให้มีตัวเลือกสำหรับการใช้งานประเภทต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
3. ในระบบอนาล๊อก มีเพียงระบบ PAL และ NTSC เท่านั้น ทำให้สามารถเลือกกล้องต่างยี่ห้อมารวมในระบบเดียวกันได้
4.ระบบอนาล๊อกถูกพัฒนา จนแทบจะเรียกได้ว่าอยู่ในช่วงสุดท้ายของเทคโนโลยีจองระบบอนาล๊อกแล้ว ทำให้ปัญหาต่างๆถูกแก้ไขไปจนหมด ทำให้ปัญหาต่างๆของระบบอนาล๊อกเกิดขึ้นน้อยมาก
ข้อเสีย
1.ระบบอนาล๊อกไม่มีฟังชั่นเช่นเดียวกับที่กล้อง IP มี เว้นแต่กล้องอนาล๊อกในระบบราคาแพงเท่านั้น
2.ระบบอนาล๊อกมีความปลอดภัยน้อย เนื่องจากว่าไม่มีการเข้ารหัสของข้อมูล ไม่ว่าใครก็สามารถดูภาพจากกล้องวงจรปิดได้
3. ไม่สามารถรองรับการส่งสัญญานในระยะไกลๆได้
IP Camera
ข้อดี
1.สนับสนุนการทำงานผ่านระบบไร้สายมากกว่า Analog
2.กล้อง IP สามารถใช้ร่วมกับระบบ LAN ที่มีอยู่แล้วได้ โดยไม่ต้องเดินสายใหม่
3.หากต้องการเพิ่มกล้องสามารถทำได้ง่าย โดยไม่ติดข้อจำกัดในส่วนของ Channel ที่จำกัดของ DVR อีกต่อไป
4. เนื่องจากกล้อง IP แต่ละตัวทำงานแยกอิสระ ไม่ได้ส่งภาพไปประมวลผลที่ตัวกล้อง ทำให้ได้ภาพที่มีคุณภาพ "เต็มที่" ไม่อั้นที่ DVR อีกต่อไป
5. แต่ละตัวมี IP ของตัวเอง ทำให้การตั้งค่ากล้องแต่ละตัวทำได้ง่าย
6. เป็นระบบ Digital ทำให้สามารถข้ามข้อจำกัดที่ระบบอนาล๊อกไม่สามารถทำได้ นั่นคือ ข้ามจาก 576 TVL ไปเป็น 1080p
7. บางรุ่นสามารถส่งสายไฟไปพร้อมกับสาย LAN ได้ โดยไม่ต้องเดินสายไฟแยกต่างหาก
8. เนื่องทำงานบนระบบ digial สามารถที่จะ backup ข้อมูลได้ตลอดเวลาบน server
ข้อเสีย
1. เนื่องจากใช้ Brandwidth สูงมาก ตั้งแต่ 500 kbps ถึง 1.5 Mbps ทำให้ระบบทำงานหนัก
2. ค่าใช้จ่ายจะสูงขึ้นกว่าระบบอนาล๊อก ไม่ว่าจะเป็นค่าอุปกรณ์, การดูแลรักษา รวมไปถึง ความรู้ของผู้ที่บริหารจัดการข้อมูล
3. เนื่องจากระบบถูกพัฒนาจากหลายรายทำให้มีมากกว่า 1 มาตราฐาน จึงไม่สามารถใช้กล้องที่มี Protocal ต่างกันคุยกันได้ พุดให้เข้าใจง่ายๆคือ "ข้ามยี่ห้อไม่ได้" นั่นเอง
credit:https://www.facebook.com/photoscansystem/posts/412554798783844
Credit:http://www.linkmastercorp.com/index.php?option=com_content&view=article&id=110:-analog-ip-camera&catid=51:ip-camera&Itemid=55
13 ก.พ. 2558
สายแลน(Lan) กับ สายแลนแบบ(PoE Lan) สำหรับกล้องวงจรปิด
สายแลนมีอยู่หลายประเภท แต่ละประเภทจะมีความสามารถในการรับ-ส่งสัญญาณแตกต่างกันออกไป สำหรับปัจจุบันสายแลนที่นิยมใช้กันมากคือ UTP (UNSHIELD TWISTED PAIR) คือ สายตีเกลียวที่ไม่มีตัวป้องกัน ส่วนหัวที่ใช้ในการเชื่อมต่อสายแลนเรียกว่า RJ45
โดยคู่ ขาวส้ม – ส้ม และ ขาวเขียว-เขียว จะเป็น 2 คู่ที่มีความถี่ในการตีเกลียวมากสุด เพื่อลดสัญญาณรบกวนจากภายนอกมากสุด (โดยจะอยู่ใน ลำดับที่ 1 2 3 6 ที่เป็นpin ที่มีการรับส่งสัญญาณLAN PINกลาง 4 – 5จะเป็นคู่ขาวฟ้า-ฟ้าได้ออกแบบไว้รองรับสันญาณโทรศัพท์ที่จะมาในคู่กลาง Pin 7-8 ขาวตาล-ตาล เป็นคู่ที่ออกแบบมาเพื่อสำรองการใช้งานในอนาคต)
PoE ย่อมาจาก Power Over Ethernet หมายถึง การจ่ายกระแสไฟฟ้าไปบนสายแลน
โดยในการติดตั้งระบบและอุปกรณ์เครือข่ายเราจะมีการเดินสายหลักอยู่ 2 ชนิด คือ
สายไฟ – จากแหล่งจ่ายไฟไปยังอุปกรณ์
สายแลน – เพื่อเชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับระบบเครือข่าย
แต่ด้วยเทคโนโลยีที่เรียกว่า POE ที่เข้ามามีบทบาททำให้เราสามารถลดภาระทั้งค่าใช้จ่ายและเวลาที่ต้องเสียไปจากการลากสายทั้ง 2 ชนิดข้างต้นให้เหลือเพียงชนิดเดียวก็คือ สายแลน โดยให้สายและมีหน้าที่ในการเป็นสื่อนำกระแสไฟฟ้าไปจ่ายให้กับตัวอุปกรณ์ด้วยนอกเหนือจากการทำหน้าที่เชื่อมต่ออุปกรณ์เข้ากับระบบเครือข่ายตามปกติ จะเห็นว่าสายแลนก็เหมือนสายแลนทั่วๆ ไปแต่การเข้าหัวของสายแลนนั้นจะมีความแตกต่างกันออกไป
ปกติการส่งสัญญาณตามมาตรฐาน 10BASE-T หรือ 100BASE-TX นั้นจะใช้คู่สาย UTP เพียง 4เส้นหรือ2คู่เท่านั้นโดยจะมีคู่ที่เหลืออีก 2 คู่เป็นคู่สายสำรอง ซึ่งก็สามารถใช้คู่สายที่เหลืออยู่ในการส่งกระแสไฟได้ แต่สำหรับ 1000BASE-T หรือ Gigabit Ethernet Network นั้นจำเป็นต้องใช้คู่สายทั้งหมดทั้ง 8 เส้นหรือ 4 คู่ ท่านสงสัยหรือไม่ว่าแล้วจะใช้สายทองแดงคู่ไหนในการส่งกระแสไฟ ในเมื่อต้องใช้สายทองแดงทั้งหมดที่มี คำตอบก็คือ ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Phantom power ซึ่งทำให้สามารถส่งกระแสไฟไปพร้อมๆกับส่งข้อมูลนั่นเองสามารถดูได้ที่รูปต่อไปนี้
ปกติการส่งสัญญาณตามมาตรฐาน 10BASE-T หรือ 100BASE-TX นั้นจะใช้คู่สาย UTP เพียง 4เส้นหรือ2คู่เท่านั้นโดยจะมีคู่ที่เหลืออีก 2 คู่เป็นคู่สายสำรอง ซึ่งก็สามารถใช้คู่สายที่เหลืออยู่ในการส่งกระแสไฟได้ แต่สำหรับ 1000BASE-T หรือ Gigabit Ethernet Network นั้นจำเป็นต้องใช้คู่สายทั้งหมดทั้ง 8 เส้นหรือ 4 คู่ ท่านสงสัยหรือไม่ว่าแล้วจะใช้สายทองแดงคู่ไหนในการส่งกระแสไฟ ในเมื่อต้องใช้สายทองแดงทั้งหมดที่มี คำตอบก็คือ ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า Phantom power ซึ่งทำให้สามารถส่งกระแสไฟไปพร้อมๆกับส่งข้อมูลนั่นเองสามารถดูได้ที่รูปต่อไปนี้
สรุปว่าสายแบบ POE นั้น เป็นการเข้าหัวแบบเดียวกันเหมือนกับสาย (CROSSOVER)
ประโยชน์ของเทคโนโลยี POE
ประหยัดกว่าเดินสายไฟ และในบางสถานที่ การเดินสายไฟ AC ใหม่ไปยังสถานที่ติดตั้งอุปกรณ์ Access Point อาจจะเป็นไปไม่ได้
ติดตั้งง่ายและรวดเร็วกว่า เพราะใช้สายเพียง UTP เพียงเส้นเดียวไม่ต้องลากสายไฟใหม่ หมดกังวลในการหาที่ติดตั้งปลั๊กไฟ และลดค่าใช้จ่ายและเวลาในการดูแลรักษาอีกด้วย
รองรับความเร็วระดับ Gigabit
ไฟแบบ 48V DC สามารถทำระบบ Back-up ไฟได้ง่ายกว่า โดยสามารถสร้างระบบสำรองไฟด้วย Battery และยังช่วยสร้างระบบบริหารกระแสไฟจากส่วนกลางได้อีกด้วย
ทำไมควรเลือกใช้ POE
ประหยัดกว่าการเดินสายแบบปกติ เพราะอุปกรณ์น้อยกว่า
ลดขีดจำกัดการออกแบบ เพื่อให้สามารถเข้าถึงพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก
ลดความยุ่งยากในการติดตั้ง
ลดความเสี่ยงเรื่องอันตรายจากไฟฟ้าดูด
สามารถใช้งานในฟังก์ชั่น SNMP Network ได้
ประโยชน์และข้อดีที่ได้รับจาก POE
สามารถใช้อุปกรณ์ Network ต่างๆ เช่น Access Point, IP Camera โดยไม่ต้องเสียบปลั๊กไฟฟ้า
ลดค่าใช้จ่ายที่จะต้องเดินสายไฟไปพร้อมกับสาย UTP
ทำให้เกิดความคล่องตัวในการใช้อุปกรณ์ต่าง
มีความปลอดภัยสูงเนื่องจากใช้ไฟฟ้าแรงดันต่ำและเป็นไฟกระแสตรง
สามารถนำมาติดตั้งเพิ่มเติมกับระบบเดิมได้
credit:http://www.karethailand.com/poelan/
กล้องวงจรปิดอินฟราเรด (IR Camera)
รังสีอินฟราเรด (Infrared) หรือเรียกย่อๆ ว่า IR ซึ่งอินฟราเรดเป็นรังสีความร้อนที่อยู่ในรูปคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่างคลื่นวิทยุ และแสงที่มีความถี่ในช่วง 1011-1014 เฮิร์ตซ์ มีความถี่ในช่วงเดียวกับไมโครเวฟ มีความยาวคลื่นอยู่ระหว่างแสงสีแดงกับคลื่นวิทยุสื่อสารทุกชนิด ที่มีอุณภูมิอยู่ระหว่าง -200 ถึง 4,000 องศาเซลเซียส จะปล่อยรังสีอินฟราเรดออกมา คุณสมบัติเฉพาะตัวของรังสีอินฟราเรด คือ ไม่เบี่ยงเบนในสนามแม่เหล็กที่แตกต่างกัน ยิ่งความถี่สูงมากขึ้น พลังงานสูงขึ้นด้วย แสงนั้นป็นสิ่งมหัศจรรย์เล้นลับทางวิทยาศาสตร์อย่างหนึ่ง เรามองเห็นวัตถุรอบๆ ตัวเราและบอกสีต่างๆ ได้โดยแสงสะท้อนเข้าสู่ตาเรา แต่ธรรมชาติแท้จริงของแสงนั้นยังปิดบังความจริงเอาไว้อีกมาก
กล้องวงจรปิดแบบ Infrared (IR Camera)
กล้องวงจรปิดชนิดนี้เป็นกล้องที่ใช้แสงจากหลอดอินฟราเรดส่องไปกระทบวัตถุ เพื่อให้กล้องจับภาพบริเวณนั้นๆได้ อินฟราเรดจะทำงานเมื่อสภาวะแสงบริเวณนั้นน้อยลงในระดับหนึ่ง โดยจะมี sensor ที่ด้านหน้าของกล้องตรวจวัดระดับแสง แล้วจะส่งสัญญาณให้หลอดอินฟราเรดทำงาน และเมื่อหลอดอินฟราเรดทำงานภาพจะเปลี่ยนเป็นขาว-ดำ ทันที กล้อง IR มีขนาดหรือระยะ IR หลายขนาด เริ่มต้น 10mm.,20mm.,30mm.,60mm. สังเกตจำนวนหลอด LED หน้ากล้อง ในเวลากลางคืนกล้องจากรับแสงจาก หลอด LED จะมีแสงสีแดงเกิดขึ้นในกรณีที่มีแสงน้อยหรือไม่มีแสงจากด้านนอกเลย (อยู่ในพื้นที่มืดสนิดนั้นเอง) ค่าการรับแสงอยู่ที่ 0.00 Lux ภาพที่ได้จะเป็นภาพขาวดำ บางครั้งจะเห็นภาพได้ต่อเมื่อมีวัตถุมาอยู่ ณ จุดตกกระทบของแสง อินฟราเรด จึงจะเห็นภาพ นอกจากนี้จำนวนหลอดไฟยังมีผลต่อระยะที่สามารถจับภาพได้อีกด้วยหากใช้หลอดไฟ15หลอด จะสามารถส่องได้ประมาณ10เมตรเป็นต้น
ข้อดี สามารถมองเห็นภาพได้จากในที่ที่มืดสนิท เพราะได้แสงช่วยจากหลอดอินฟราเรดส่องไปที่วัตถุ ปัจจุบันเทคโนโลยีสูงขึ้นด้วยระบบ Smart IR
ข้อเสีย มีความร้อนสูงเมื่ออินฟราเรดทำงาน มีข้อจำกัดเรื่องระยะส่องของอินฟราเรด (IR Distance) ถ้าวัตถุอยู่ไกลเกินระยะแสงอินฟราเรดก็จะไม่สามารถมองเห็นได้
ประเภทของกล้องวงจรปิด

1. กล้องวงจรปิดมาตราฐาน ( Standard Camera ) :
ใช้ในการติดตั้งได้ในทุกๆสถานที่ ใช้สำหรับการป้องกัน อาชญากรรมและใช้การตรวจสอบดูเหตุการณ์ต่างๆ ซึ่งกล้องวงจรปิดชนิดนี้ มีราคาไม่แพง ขึ้นอยู่รุ่นและความคมชัดของกล้อง และ กล้องวงจรปิดประเภทนี้ยังติดตั้งได้ง่าย และ ค่าบำรุงรักษาต่ำ และ ยังมีอุปกรณ์เสริมมากมายที่ใช้กับกล้องวงจรปิดชนิดนี้ เช่น
กล่องครอบกล้องวงจรปิด แบบในอาคาร Housing Indoor : เป็นกล่องครอบกล้องวงจรปิดแบบใช้ภายในอาคาร กันฝุ่น เหมาะกับการใช้รักษาความปลอดภัยในที่ร่ม และ ในที่ๆมีฝุ่นละออง ส่วนถ้าเป็นภายในห้องแอร์ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้เพราะ มีฝุ่นน้อย สถานที่ๆนิยมใช้งานได้แก่ โรงเรียน, โรงงาน , สำนักงาน, คอนโด ,โรงแรม อาคารต่างๆ ฯลฯ
กล่องครอบกล้องวงจรปิด แบบใช้นอกอาคาร Housing Outdoor : กล่องครอบกล้องวงจรปิดแบบใช้ภายนอกอาคาร กันน้ำ กันแดด กันฝุ่น เหมาะกับการใช้รักษาความปลอดภัยในที่กลางแจ้ง และ ในที่ๆโดนแสงแดด ตัวกล่องครอบกล้องวงจรปิดรุ่นนี้ จะมีความแข็งแรงและทนทานสูง เหมาะกับใช้งานในสถานที่ต่างๆ เช่น ลานจอดรถ บนถนน บนเสาไฟ โรงเรียน, โรงงาน , สำนักงาน, คอนโด ,โรงแรม อาคารต่างๆ ฯลฯ
2. กล้องวงจรปิดอินฟาเรด ( IR Camera ) :
กล้องวงจรปิดอินฟาเรด เป็นกล้องวงจรปิดที่ใช้งานได้ทั้งกลางวันและกลางคืนใช้สำหรับรักษาความปลอดภัยพื้นที่สูงเฝ้าระวังแจ้งเตือนที่ต้องเกิดขึ้นตลอดคืน ในเวลากลางวันตัวกล้องจะแสงภาพเป็ภาพสี ส่วนในเวลากลางคืนตัวกล้องวงจรปิดจะเปลี่ยนไปเป็นโหมดภาพขาว-ดำ อัตโนมัติ ด้านหน้าตัวกล้องวงจรปิดรุ่นนี้จะมีหลอด LED อินฟราเรดที่จะส่งแสงสว่างอัตโนมัติในตอนกลางคืน ตัวกล้องรุ่งนี้เหมาะกับการใช้งานใน สถานที่ๆค่อนข้างมืด ถึงมืดสนิท เช่น ด้านหลังอาคารสำนักงาน ลาดจอดรถ ภายในห้องเก็บของ ห้องสต๊อกสินค้า หรือ ตามซอกกำแพง ต่างๆ เป็นต้น
3. กล้องวงจรปิดแบบโดม ( Dome Camera ) :
กล้องวงจรปิดแบบโดม ถูกออกแบบมาให้มีความกระทัดรัด รูปทรงโดม ครึ่งวงกลม มีความสวยงาม เหมาะกับการติดตั้งภายในอาคารออฟฟิตสำนักงานต่างๆ กล้องรุ่นี้นิยมติดตั้งบนฝ้าเพดาน เป็นหลักไม่ กับการติดตั้งตามแนวกำแพง และ ไม่เหมาะกับการใช้ภายนอกอาคาร เพราะตัวกล้องวงจรปิดรุ่นนี้ไม่ได้ออกแบบมาให้กันน้ำ เมื่อติดตั้งกล้องวงจรปิดแบบโดมจะทำให้ไม่มีใครสังเกต เพราะขนาดที่กะทัดรัดกลมกลืนกลับฝ้าเพดาน สถานที่ๆนิยมใช้งาน คือ โรงแรม คอนโด อาคารสำนักงาน ธนาคาร ต่างๆ เป็นต้น
4. กล้องวงจรปิดแบบ Bullet :
กล้อง Bullet จะอยู่ในรูปทรงกระบอก ยาวและใช้ในที่อยู่อาศัยเป็นสถานที่เชิงพาณิชย์ ตัวกล้องถูกออกแบบมาให้มีขนาดเล็กมีการออกแบบวงจรและมีประสิทธิภาพจริงๆ พวกเขาให้ดูสว่างไสวแม้ในตอนกลางคืน เพราะกล้องรุ่นนี้จะกินแสงต่ำ และ ในงานภายนอกอาคารได้อีกด้วย ทนฝน และ ทนแดดได้ดี
5. กล้องวงจรปิดแบบแอบซ่อน ( Hidden Camera ) :
กล้องวงจรปิดแบบนี้ใช้สำหรับงานที่เป็นความลับและ ไม่ให้ รู้มุมกล้องว่ามีกล้องติดอยู่ กล้องซ่อนส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็กกะทัดรัด เช่น กล้องรูเข็ม กล้องหลอดไฟ กล้องกระจก เป็นต้น นิยม กล้องวงจรปิด ในสถานที่ต่างๆ ที่ต้องการความปลอดภัย หรือ ต้องการจับผิดผู้คน-พนักงาน-ลูกค้า ฯลฯ สถานที่ๆนิยมติดตั้ง กล้องวงจรปิดแบบแอบซ่อน คือ ร้านค้า มินิมาร์ท โรงงาน โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ธนาคาร สำนักงาน ต่างๆ เป็นต้น
6. กล้องวงจรปิดแบบซูม-หมุนได้ ( Zoom Camera ) :
ตัว กล้องวงจรปิดรุ่นนี้จะ สามารถซูมได้ หมุนได้รอบทิศทาง ( ซ้าย-ขวา-ก้ม-เงย ) โดยสามารถควบคุมได้ผ่านทางคันบังคับ ( Key Board ) หรือจะควบคุมผ่านทางไกล ผ่านทางอินเตอร์เน็ต ก็ได้ และ คุณยังสามารถตั้งกล้องให้หมุนเองได้โดยอัตโนมัติตามจุดต่างๆที่คุณกำหนดไว้ได้อีกด้วย ปัจจุบันกล้องวงจรปิดแบบนี้ จะเรียกว่ากล้อง Speed Dome
credit:http://www.karethailand.com/cctv-type/
มารู้จักกับ LUX คืออะไร?
ค่า Lux คืออะไร เกี่ยวกับกล้องวงจรปิดอย่างไร
แสงสว่างโดยประมาณของค่า Lux
Lux เป็นหน่วยวัดความเข้มแสงหรือความสว่างต่อพื้นที่
ค่าLux เป็นค่าที่เกิดจากการคำนวณ หรือหาได้จากเครื่องมือวัด Lux meter
ซึ่งค่าLux ที่เราเห็นตรงสเปคของกล้องวงจรปิดนั้น บอกให้เราทราบว่ากล้องวงจรปิดนั้นๆสามารถจับภาพได้
ในที่ที่มีแสงสว่างต่ำสุดมากน้อยเพียงใด ส่วนใหญ่จะเป็นกล้องมาตรฐาน กล้องสปีดโดมที่รองรับ และจะรองรับอยู่ที่ 0.02 – 1 lux
แสงสว่างโดยประมาณของค่า Lux
10,000 Lux แสงแดดในตอนกลางวัน
500 Lux แสงสว่างภายในอาคาร ห้างสรรพสินค้าขณะเปิดไฟ
100 Lux ภายในอาคารจอดรถ
10 Lux แสงไฟถนน
0.1 Lux ตอนกลางคืนขณะที่พระจันทร์เต็มดวง
ดังนั้นแสงภายในอาคารหากไม่ได้เปิดไฟค่าLux 0 กล้องDay/Night บางรุ่นจะรับภาพไม่ได้
หรือรับได้ไม่ดี ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนมาใช้กล้องอินฟาเรดแทนได้
หรือรับได้ไม่ดี ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนมาใช้กล้องอินฟาเรดแทนได้
credit:http://www.karethailand.com/cctv-lux/
1 ก.พ. 2556
ความหมายของ TVL และการคำนวนหาค่าพิกเซล ของกล้องวงจรปิด
TVL – Television Lines TVL เป็นหน่วยวัดความละเอียดของกล้องตามแนวนอน หรือคือจำนวนเส้นที่กล้องสามารถแสดงภาพได้ ซึ่งมีผลต่อความความคมชัดของกล้องวงจรปิด
จำนวนเส้น TVL ยิ่งสูงมาก ภาพที่ได้ก็จะคมชัดและละเอียดยิ่งขึ้นตามไปด้วย เช่น กล้องวงจรปิด ความคมชัด 700 เส้น จะให้ภาพที่ชัดกว่ากล้องวงจรปิดที่มีความคมชัด 550 เส้น เป็นต้น
ค่าเฉลี่ยของ TVL ที่กล้องมาตรฐานควรจะมีอยู่ที่ระหว่าง 380-540 TVL
การแปลงค่า TVL ให้ออกมาเป็นจำนวน Pixel ให้ใช้สูตร
“จำนวน Pixel รวม = จำนวน TVL * 4/3 * จำนวน Pixel แนวตั้ง (V)”
ตัวอย่าง
กล้อง TVL 540 ภาพมีขนาด 720 (H) x 576 (V) คิดสูตรเป็น 540 * 4/3 * 576 = 0.414 Megapixels
กล้อง TVL 600 ภาพมีขนาด 753 (H) x 582 (V) คิดเป็นสูตร 600 * 4/3 * 582 = 0.465 Megapixels
ปัจจุบัน กล้องวงจรปิดมี TVL หลายแบบให้เลือก โดยมีความละเอียดตั้งแต่ 320 , 380 , 420 , 480 , 520 , 540 , 600 , 620 TVL หรือมากกว่าแล้วแต่เทคโนโลยีของแต่ละบริษัทหรือโรงงานผู้ผลิต ทั้งนี้ กล้องวงจรปิดที่มีความคมชัดสูง ๆ ราคาก็จะสูงตามไปด้วย ในตารางคุณสมบัติของกล้องโดยมากจะบอกความละเอียดอยู่สองแบบ คือ ตามแนวตั้ง (Vertical) และ แนวนอน(Horizontal)
ความละเอียดตามแนวตั้ง (Vertical Resolution) – VTVL ความละเอียดตามแนวตั้งหมายถึงจำนวนเส้นตามแนวนอน ตามมาตรฐานระบบ PAL จำนวนเส้นจะเป็น 625 เส้น จอแสดงผลภาพแบบ PAL อัตราส่วนจะอยู่ที่ 4:3 ดังนั้นถ้าคิดตามอัตราส่วนที่ว่าความละเอียดสูงสุดแนวตั้งเป็น 0.75 เท่าของอัตราส่วนแนวนอน ดังนั้นความละเอียดสูงสุดแนวตั้งจะเป็น PAL 625 X 0.75 = 470 เส้น
420TVL = 270,000 Pixel
480TVL = 380,000 Pixel
520TVL = 430,000 Pixel
600TVL = 480,000 Pixel
700TVL = 1.3Mega Pixel
credit:http://www.karethailand.com/tvl-to-pixel/
อินฟราเรดรุ่นใหม่ IR Array LED ดีอย่างไร
LED array
เป็นเทคโนโลยีการให้แสงสำหรับกล้องวงจรปิดแบบล่าสุด ให้แสงจาก Light Emitting Diode ทำให้มองเห็นในที่มืดอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และมีอายุการใช้งานของหลอดอินฟาเรดที่ยาวนานมากขึ้นข้อดีของ LED array
1. ให้ความสว่างสูง LED array หลดเดียวสามารถให้แสงสว่างสูงระดับ 1000 เมกะวัตต์ ถึง 4000 เมกะวัตต์ ในขณะที่ผลที่ได้จากหลอด LED ทั่วไปให้แสงสว่างเพียง 5~15 เมกะวัตต์ เท่านั้น
2 . องศาทำมุมได้กว้าง LED array สามารถส่องแสงได้ถึง 10 ° ถึง 120 ° (มุมแบบปรับได้หลายระดับ) ซึ่งสามารถส่องแสงที่สม่ำเสมอทั่วถึงบนพื้นผิว สามารถปรับองศาของแสงได้ถึง 180° ทำให้ไม่เกิดเอฟเฟค”Flashlight Effect” หรือ “ปรากฏการณ์ไฟฉาย”
3 . อายุการใช้งาน LED array มีอายุการใช้งานยาวนานกว่า IR แบบทั่วไปที่มีอายุเฉลี่ย 6,000 ชั่วโมง ส่วน LED Array มีระบบระบายความร้อน thermoelectric แบบแยกไม่ได้ยึดกับระบบระบายความร้อนบน CCD ทำให้อายุการใช้งานของ LED array มีถึง 50, 000 ชั่วโมง(การใช้งานอย่างเต็มประสิทธิภาพที่ 10,000 ชั่วโมง)
4 . อัตราการสลายตัวช้า LED array เป็นเทคโนโลยรุ่นที่สาม ใช้เทคโนโลยีระบายความร้อนแบบอิสระ อัตราการสลายตัวของกล้องทั่วไปคือ 70% ภายใน 6 – 12 เดือน แต่ LED array เป็น 10% ภายใน 5 ปี
5 . ประสิทธิภาพสูง ประสิทธิภาพการแปลงไฟฟ้าออปติคอลของ LED array มีประมาณ 50% ในขณะที่ IR แบบปกติ มีเพียง 10%
6. กินไฟน้อย เมื่อเทียบกับหลอด IR แบบทั่วไปแล้ว หลอด LED Array กินไฟน้อยกว่าประมาณ 3 เท่าเลยทีเดียว
7. การซ่อนเร้นที่ดี แสงอินฟาเรดของ LED Array นั่นจะมีความยาวคลื่น 2 ชั้น ที่ 850 nm และ 940 nm จชั้นแรก 850 นาโนเมตร จะกระจายแสงเหมือนหลอด IR แบบทั่วไป และชั้นที่สอง ความยาวคลื่น 940 นาโนเมตร จะไม่มีแหล่งกำเนิดแสงสีแดง จะทำให้มองไม่เห็นแสงอินฟาเรดที่หลอดในตอนกลางคืน ทำให้ปกปิดซ้อนเร้นได้เป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น การเอากล้องไปใช้ดูนกนางแอ่นที่มีลักษณะกลัวแสงสีแดงในตอนกลางคืน
credit:http://www.karethailand.com/led-array/
CCD กับ CMOS อะไรดีกว่ากัน มาดูผลทดสอบกัน
ปัจจุบันนี้ เครื่องบันทึกสำหรับกล้องวงจรปิดในระบบอนาล็อก สามารถบันทึกได้สูงสุดที่ขนาด 960H ซึ่งหากเรารู้ลึก รู้จริง ความละเอียดของกล้องวงจรปิด ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเครื่องบันทึกประเภทนี้ คือ 700TVL หากเราใช้กล้องวงจรปิดที่มีความละเอียดมากกว่านี้ ก็ไม่เกิดประโยชน์ในแง่ของภาพที่บันทึกได้ในเครื่อง แต่จะได้ประโยชน์เฉพาะการดูภาพสดเท่านั้น
ซึ่งหากเราดูข้อมูลของกล้องวงจรปิดที่ขายกันในท้องตลาด จะเห็นว่ามีกล้องวงจรปิดที่มีความละเอียดสูง 800TVL หรือ 900TVL และราคาถูก ที่ใช้เซนเซอร์รับแสงแบบ CMOS ดังนั้น เราจึงมาทดสอบกันดีกว่าว่าในความละเอียดที่เท่ากัน เซนเซอร์แบบไหน ระหว่าง CCD ที่ใช้ Effio และ CMOS ที่ขายกันในท้องตลาดทั่วไป ภาพที่ได้จะเหมือนกัน หรือแตกต่างกันอย่างไร
* Television Line (TVL) คือ ความคมชัดของภาพที่มีคุณภาพสุงสุด ยิ่งถ้ามี TVL สูงก็จะทำให้ภาพที่เห็นมีความละเอียดมากยิ่งขึ้น
ภาพนี้แสดงถึงความละเอียดของคุณภาพของภาพที่ได้ จะเห็นว่ารูปภาพทางด้านซ้าชิป CCD มีความละเอียดของ TVL สูงสุดถึง 700TVL จึงทำให้ภาพมีความคมชัดกว่ารูปฝั่งขวา ที่เป็นชิป CMOS ซึ่งให้คุณภาพความละเอียดของภาพแค่ 660 TVL เท่านั้นเอง
ภาพแสดงให้เห็นถึงคุณสมบัติในการปรับค่าการรับแสงของตัวกล้องเพื่อให้มีความสว่างและคมชัดของภาพ
การดูภาพในเวลากลางคือ จะเห็นว่าการทำงานของตัว อินฟาเรท ฝั่ง CCD-Effio จะได้ภาพที่มีความสว่างและความชมชัดในพื้นที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด ส่วนของ CMOS จะได้ภาพที่มีความสว่างแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะทำให้เห็นรายละเอียดต่างๆ ของพื้นที่นั้นได้น้อยลง
ภาพแสดงการเปรียบเทียบความคมชัดของภาพที่ได้จากภายนอกอาคาร ซึ่งมีความต่างในเรื่องของรายละเอียดของภาพเมื่อซูมภาพเข้าไปดูในระยะที่ใกลก็จะเห็นรายละเอียดที่ชัดกว่า
ภาพแสดงการเปรียบเทียบความคมชัดของภาพ ภายในอาคาร จะเห็นถึงความสว่างของภาพทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่ในระยะทีไกล หรือใกล้ ภาพก็จะปรับความละเอียดและความสว่างให้ภาพมีความละเอียดในการมองเห็นจุดต่างๆ ได้อย่างชัดเจน
27 ม.ค. 2556
ระบบการบันทึกภาพแบบ 960H
เป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สำหรับเครื่องบันทึกแบบอนาล็อก
H ย่อมาจาก Horizental หรือความละเอียดเส้นตามแนวนอน 960H เป็นเทคโนโลยีที่ให้ความละเอียดเส้นตามแนวนอน (960×576) หรือ 552,960 พิกเซลซึ่งมีความละเอียดสูงกว่า D1 (720×576) หรือ 414,720 พิกเซล ทำให้ภาพที่คมชัด และละเอียดมากขึ้น รองรับการใช้งานกับจอ Wide Screen ทำให้ภาพที่ได้สัดส่วนไม่ผิดเพี้ยนทั้งนี้กล้องที่เหมาะสมกับระบบ 960H จะต้องมีความละเอียด 700 TVL ขึ้นไป ขนาดของภาพจะแสดงผลได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุดครับความแตกต่าง ระหว่างความละเอียดในรูปแบบ CIF, D1 และ 960H
H ย่อมาจาก Horizental หรือความละเอียดเส้นตามแนวนอน 960H เป็นเทคโนโลยีที่ให้ความละเอียดเส้นตามแนวนอน (960×576) หรือ 552,960 พิกเซลซึ่งมีความละเอียดสูงกว่า D1 (720×576) หรือ 414,720 พิกเซล ทำให้ภาพที่คมชัด และละเอียดมากขึ้น รองรับการใช้งานกับจอ Wide Screen ทำให้ภาพที่ได้สัดส่วนไม่ผิดเพี้ยนทั้งนี้กล้องที่เหมาะสมกับระบบ 960H จะต้องมีความละเอียด 700 TVL ขึ้นไป ขนาดของภาพจะแสดงผลได้เต็มประสิทธิภาพสูงสุดครับความแตกต่าง ระหว่างความละเอียดในรูปแบบ CIF, D1 และ 960H
Resolution | Width (V pixel) | Height (H pixel) | Pixels |
CIF | 360 | 288 | 103,680 |
D1 | 720 | 576 | 414,720 |
960H | 960 | 576 | 552,960 |
ภาพเปรียบเทียบ 960H กับ D1
ภาพที่บันทึกได้ได้จะมีขนาดภาพที่ใหญ่ขึ้น ทำให้เก็บรายละเอียดของภาพได้เพิ่มขึ้น ลักษณะของภาพจะออกไปทางมุม Wide หรือมีความกว้างมากขึ้น และได้ภาพที่สมส่วนกับขนาดจอ 16 : 9
CIF ความละเอียด
CIF เป็นรูปแบบทั่วไปในการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด ที่มีความละเอียด 360×288 พิกเซลและเหมาะสำหรับระบบโฮมวิดีโอ (VHS) โดยเป็นความละเอียดมาตรฐานแบบเก่าสำหรับการรักษาความปลอดภัย และมีอัตราเฟรมวิดีโอสูงสุดใน NTSC ที่ 30ภาพ ต่อวินาที
CIF เป็นรูปแบบทั่วไปในการบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิด ที่มีความละเอียด 360×288 พิกเซลและเหมาะสำหรับระบบโฮมวิดีโอ (VHS) โดยเป็นความละเอียดมาตรฐานแบบเก่าสำหรับการรักษาความปลอดภัย และมีอัตราเฟรมวิดีโอสูงสุดใน NTSC ที่ 30ภาพ ต่อวินาที
ความละเอียด D1
D1 เป็นรูปแบบมาตรฐานระบบโทรทัศน์ดิจิตอล ที่มีความละเอียด 720×576 พิกเซลหรือประมาณ 4CIF เหมาะสำหรับ HD Video Home System (HDVHS) ใน NTSC, อัตราเฟรมวิดีโอสูงสุด 25 ภาพ ต่อวินาที
D1 เป็นรูปแบบมาตรฐานระบบโทรทัศน์ดิจิตอล ที่มีความละเอียด 720×576 พิกเซลหรือประมาณ 4CIF เหมาะสำหรับ HD Video Home System (HDVHS) ใน NTSC, อัตราเฟรมวิดีโอสูงสุด 25 ภาพ ต่อวินาที
ความละเอียด 960H
960H เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับกล้องวงจรปิด และการรักษาความปลอดภัยของเครื่องบันทึกภาพที่ให้ภาพความละเอียดสูงโดยใช้เซ็นเซอร์ภาพขั้นสูง กล้องวงจรปิด 700TVL ขึ้นไป สามารถแก้ปัญหา 960H ให้แสดงภาพที่มีความละเอียด 960×576 พิกเซล กับเครื่งบันทึกภาพที่รองรับระบบ 960H ซึ้งเป็นความสามารถในการแสดงผลที่มากกว่าระบบ D1 ถึง 34%
960H เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับกล้องวงจรปิด และการรักษาความปลอดภัยของเครื่องบันทึกภาพที่ให้ภาพความละเอียดสูงโดยใช้เซ็นเซอร์ภาพขั้นสูง กล้องวงจรปิด 700TVL ขึ้นไป สามารถแก้ปัญหา 960H ให้แสดงภาพที่มีความละเอียด 960×576 พิกเซล กับเครื่งบันทึกภาพที่รองรับระบบ 960H ซึ้งเป็นความสามารถในการแสดงผลที่มากกว่าระบบ D1 ถึง 34%
ในส่วนของ HD 1080P และ HD720P จะเป็นรูปแบบดิจิตอล เป็นกล้องไอพี ที่ให้ความละเอียดสูง ขนาดภาพที่ได้จะใหญ่และคมชัด
credit:http://www.karethailand.com/960h-dvr-resolution/
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)